Switzerland: HOTEL GARDEN IN SWITZERLAND 

By แพรพรรณ

ประสบการณ์ครั้งแรกกับการเข้าร่วมค่ายนานาชาติเป็นอะไรที่พิเศษมากจริงๆ เริ่มตั้งแต่ตอนสมัครค่าย ทำวีซ่า วางแผนการเดินทางและเตรียมตัว ในตอนนั้นรู้สึกว่าเยอะแล้วก็หลายอย่าง หลายขั้นตอนมาก เพราะเราต้องศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับค่าย งาน สถานที่ การเดินทางและหลาย ๆ อย่าง จำได้เลยว่าหาข้อมูลเยอะมาก อ่านแทบจะทุกอย่างเลย แล้วก็ได้พี่แพร์มาช่วยด้วยอีกส่วนหนึ่ง รู้สึกขอบคุณมาก ๆ แพรได้คำแนะนำดี ๆ หลายอย่างแล้วก็ได้ความมั่นใจที่จะเดินทางขึ้นมาเยอะมาก เพราะคนรอบตัวเราก็ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับโครงการนี้เลย และวันเดินทางก็มาถึง ตื่นเต้นมาก บอกลาครอบครัวแล้วเดินเข้าประตูสนามบินไปคนเดียว ตอนนั้นไม่มีความรู้สึกกลัวเลย มีแต่ความรู้สึกตื่นเต้นแล้วก็พร้อมมาก ๆ สำหรับประสบการณ์ใหม่ แต่ที่บ้านเป็นห่วงมาก

ราว12 ชั่วโมงกับการนั่ง ๆ นอน ๆ บนเครื่องบิน ในที่สุดก็ถึง Zurich airport สภาพคือดูไม่ได้ จึงเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด แต่งหน้า แต่งตัว ซื้อของใช้นิดหน่อย แล้วก็ไปหาอะไรกิน แต่จุดหมายปลายทางเรานั้นไม่ใช่ Zurich แต่เป็นเมือง Chur ที่อยู่ห่างจาก Zurich ประมาน 1.30 ชม.โดยการนั่งรถไฟ ครั้งแรกกับการขึ้นรถไฟในสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ยากเลยนะ platform ที่สถานีคือเยอะมาก แต่หาไม่ยาก มีป้ายบอกชัดเจน รู้สึกดีกับการขึ้นรถไฟมา เมื่อก็มาถึงสถานี Chur ต้องต่อประจำทางไปที่ค่ายอีกประมาน 10 นาที สิ่งใหม่ๆ ที่ได้เรียนรู้คือ สวิตเซอร์แลนด์น่าอยู่มาก การคมนาคมพัฒนาไปอย่างดี การเดินทางจึงสะดวกสบายมาก 

ในที่สุดถึงค่าย! งานและที่พักของค่ายเรา เป็นงานเกี่ยวกับการทำสวนบริเวณรอบๆ โรงแรม ทันที่ที่ถึง camp leader ของแพรออกมาต้อนรับอย่างดีมาก และพาแพรไปรู้จักกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่มาถึงก่อนแล้ว ผู้หญิงสองคน (Annika กับ Vanessa) ที่มาถึงก่อนพาไปที่พักที่เดินไปไม่ไกลจากตัวโรงแรม ซึ่งเป็นบ้านสองชั้น จริงๆ แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของห้องพักของโรงแรมซึ่ง facilities ต่างๆ ในบ้านนั้นดีมาก อย่างกับมานอนโรงแรมเลย  หลังจากทานข้าวเย็น มีกิจกรรม group discussion เล็กน้อย เกี่ยวกับกฤระเบียบค่ายและภาระหน้าที่ของพวกเรา มีการให้แต่ละคนเขียน expectation และพอจบค่ายเราก็จะมาดูกันว่าเราสามารถทำได้ครบตามที่คาดหวังไว้หรือเปล่า ซึ่งแพรว่ามันดีมากๆ ทุกคนที่มาเข้าค่ายย่อมมีความคาดหวังที่แตกต่างกันไปอยู่แล้ว แต่เราไม่เพียงแต่ achieve ความคาดหวังของเราคนเดียว แต่เราสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน จนสุดท้ายเราสามารถทำความคาดหวังของทุกคนให้สำเร็จได้ด้วย 

งานในค่ายก็จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ inside work กับ outside work เนื่องจากมันเป็นโรงแรม งาน inside work ก็จะเกี่ยวกับงานในครัว ทำอาหาร ล้างจาน เตรียมอาหารเช้าให้แขกที่มาพัก รวมไปถึงการทำความสะอาดห้องพัก ทำเตียงและทำห้องให้แขกในทุกๆ วัน ส่วนงาน outside work จะเป็นงานเกี่ยวกับสวนทั้งหมด รวมไปถึงการทำบริเวณรอบๆ โรงแรมให้สะอาดและน่าอยู่ ซึ่งแพรชอบงาน outside มากกว่า inside ไม่รู้ทำไม ทั้งๆ ที่ร้อนกว่าแล้วก็หนักกว่า แต่เราได้เรียนรู้การใช้เครื่องตัดหญ้า เครื่องตัดต้นไม้ เครื่องตัดไม้อันใหญ่ๆ แล้วก็ machine อื่นๆ อีกหลายอย่างเลย ทำงานไปบางทีก็เจอแมลงแปลกๆ แต่น่ารักมาก บางทีก็เจอกบ เจอ salamander เจอผีเสื้อสวย ๆ เยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือเราได้ทำงานกับคนหูหนวก ซึ่งพวกเขาดูแลงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ทุกคนใจดี แพรได้เรียนรู้ sign-language สำหรับไว้ใช้คุยกับคนหูหนวกเยอะมาก ซึ่งมันไม่ยากเลยที่จะสื่อสารกับพวกเขา เราทำงานวันละ 6 ชั่วโมง แบ่งเป็นช่วงเช้า 3 ชั่วโมงและช่วงบ่าย 3 ชั่วโมง ส่วนกิจกรรมตอนเย็นช่วงอาทิตย์แรกคือจ่อหน้าจอดูบอลกันแทบทุกวันเลย ลุ้นกันตัวโก่ง สนุกมากๆ บางวันก็หาเกมมาเล่นกันยันดึกดื่น ถึงแม้วันต่อไปต้องตื่น6โมงเช้าก็ไม่หวั่น เรามีความสุขกันมากๆ แพรจำได้เลยว่าหัวเราะเยอะมากในทุกๆวัน เราได้ไปเที่ยวกันหลายๆที่เลยในวันหยุด บอกได้เลยว่าเมือง Chur นี้น่าอยู่จริงๆ อากาศก็ดี ทิวทัศน์ก็ดีมากๆเลย 2 อาทิตย์ผ่านไปไวมากๆ จนมาถึงวันสุดท้าย พวกเราบอกลา camp leader และขึ้นบัสมาที่สถานีรถไฟพร้อมกัน และก็ถึงเวลาบอกลากันแล้ว เพราะต่างคนต่างก็ไปกันคนละที่แล้ว วินาทีนั้นอยู่ๆ เราก็ร้องไห้ออกมากันหมดเลย เรารู้สึกขอบคุณทุกๆคนในค่ายจริงๆที่ดีกับเราเสมอ มันไม่สำคัญเลยว่าจะแค่ 2 อาทิตย์หรือ 2 วัน แต่เราใช้เวลาด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมงตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เราสนุก เราหัวเราะ เรามีความสุขด้วยกัน เป็นช่วงเวลาที่แพรไม่เคยคิดว่าจะได้รับขนาดนี้เลย เราก็บอกลากันแต่มิตรภาพเรายังคงอยู่ เรายังติดต่อและช่วยเหลือกันตลอด ก็หวังว่าสักวันจะได้พบกันอีก