Japan, ทุกการให้.. 

เราจะได้รับเสมอ 

จริง ๆ หลายคนรู้ว่าพี่เป็นอาสาตัวยงคนหนึ่ง พี่ทำค่ายมานาน นานมาก นานขณะที่ถ้ามีลูกตอนทำค่ายแรก ป่านฉะนี้ลูกพี่คงเข้าปี 1 ไปเรียบร้อยแล้ว

พี่เริ่มเป็นสมาชิกค่ายอาสาครั้งแรกเมื่อตอนปี 2542 ตอนนี้ปี 2561, 19 ปีเอง 

ทำอาสาไปทำไม นี่คงเป็นคำถามยอดฮิต ??? 

หลายคนอาจตอบว่า....เพราะอยากช่วยเหลือคนอื่น อยากช่วยสังคม ซึ่งมันก็ช่วยได้จริงๆ ในบางมิติ

แต่สำหรับพี่ พี่ตอบได้เลยว่า พี่ทำอาสาเพราะช่วยตัวเอง

 

ช่วยให้พี่มีเพื่อนใหม่

ช่วยให้พี่ได้ลองทำ ได้ลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ

ช่วยให้พี่มีข้ออ้างในการไปเที่ยว

ช่วยให้พี่ได้กินเหล้าต้มชาวบ้านฟรี ๆ

ช่วยให้พี่มีร่างกายแข็งแรงเพราะต้องยกปูน ขนทราย

ช่วยให้พี่ได้มีรูปลงเฟสบุคแบบเก๋ๆไม่ซ้ำใคร

และอีกหลายอย่างที่ช่วยพี่เอาไว้..

สำคัญสุดคือช่วยเยียวยาจิตใจพี่ ในวันที่ความสุขในใจไม่ชัดนัก...

 

เช่นเดียวกันกับค่ายล่าสุดที่พี่ไปมา ..พี่โกอินเตอร์ไปเป็นอาสาข้ามชาติที่ญี่ปุ่น ที่จังหวัด Ehime ประเทศญี่ปุ่น ..รู้จักมั๊ย พี่เองตอนสมัครไป จนเค้าตอบรับมาพี่ยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหน ..

ฮิราอิโสะ คือชื่อหมู่บ้านที่พี่ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ 3 สัปดาห์ เป็นเทือกเขาและแหลมที่ยื่นไปในมหาสมุทร ที่นี่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ อาชีพหลักของคนในหมู่บ้านคือทำสวนส้ม ทำมาตั้งแต่สมัยเมจิ ทำมาเป็น 100 ปี ทำมาตั้งแต่มีคนในหมู่บ้านหลายร้อยคน จนตอนนี้เหลือ 50 คน และมี 50 คนมา 10 ปีละ ไม่ลด ไม่เพิ่ม.. นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ นี่คือปัญหา !!!

ปัญหาที่ว่าคือ ไม่มีแรงงาน เพราะ 50 คนที่อยู่ในหมู่บ้านนี่มีวัยสะรุ่นแค่ 5 คน ที่เหลือวัยกลางคน กับวัยชรามาก ชราขนาด 80 กว่าปียังต้องขึ้นต้นส้มไปตัดกิ่ง แซบป๊ะละ ???

พอมีปํญหา มันก็มีผู้ก่อการดีอยากจะแก้ปัญหาครับ คนรุ่นใหม่ในหมู่บ้านฮิราอิโสะและหมู่บ้านข้างเคียงจึงรวมกลุ่มกัน ชื่อกลุ่มว่า Kikuya

Kikuya ตั้งมา 11 ปีละครับ ชื่อนี้มีที่มาจากชื่อคุณลง Kiku อะไรสักอย่างพี่ก็จำไม่ได้...คุณลุงย้ายออกจากหมู่บ้านไป เลยยกบ้านตัวเอง (ซึ่งอยู่บนดอยสูงสุด!!!) ให้เพื่อเป็นศูนย์บัญชาการ และเป็นที่พักของอาสาสามัคร กลุ่มนี้เลยเรียกตัวเองว่า Kikuya

Kikuya ตั้งขึ้นเพราะอยากที่จะเป็นพลังในการสานต่อวัฒนธรรมของชุมชน ดำรงไว้ซึ่งวิถีชีวิต รักษาไว้ซึ่งการปลูกส้ม สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวในหมู่บ้าน .... ทาง Kikuya เลยรับสมัครอาสาสมัครจากทั่วญี่ปุ่น และทั่วโลกเพื่อเข้าไปเรียนรู้วิถีชุมชน เรียนรู้การทำสวนส้ม ให้อาสาสมัครได้มีโอกาสเป็นกระบอกเสียงให้กับหมู่บ้าน ให้โลกได้เห็น Ehime ในมุมใหม่ ให้โลกได้ชิมส้มแสนอร่อย ให้โลกได้ซึมซาบความเป็นญี่ปุ่นอีกมิตินึง... และนี่ก็เป็นที่มาของการโพสต์ยาวมาก ครั้งแรกในชีวิตของพี่ ..

 

พี่ไปเป็นอาสามสมัครครั้งนี้ร่วมกับเพื่อน (บางทีควรเรียกลูกเพราะทุกคนอายุ 18-19 ปี...ต้องขอบคุณโบท๊อกที่ทำให้พี่กลมกลืน 555) ชาวญี่ปุ่น รัสเซีย เยอรมัน และฝรั่งเศส รวมเกือบ 20 คน

 

วิธีการทำงานในค่ายก็ง่ายมาก เราแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มอาหารกลางวัน กลุ่มอาหารเย็น และกลุ่มทำความสะอาด โดยเราจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทุกอาทิตย์ .... สำหรับส่วนนี้บอกเลยว่าพี่โชว์ สเต็ปอาจารย์ยิ่งศักดิ์ ทำอาหารเลี้ยงคนในค่ายอยู่บ่อย ๆ ทุกคนชอบมาก ถามพี่ว่าสิ่งนี้คืออะไร....พี่ตอบด้วยความมั่นใจ อ๋อ.... I cooked it first time เรายึดคติ กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็เท !!!

ส่วนการทำงานในไร่ส้มนั้น ทาง Camp Leader และ Kikuya ก็จะจัดให้เราเจอชาวสวนหมุนเวียนกันไป โดยทุกเช้าชาวสวนก็จะมารับเราไปช่วยงาน มีตั้งแต่เก็บส้ม ตัดกิ่งส้ม ขับโมโนเรลขนส้ม หรือบางวันก็ได้เข้าโกดังไปคัดส้มเพื่อส่งให้ลูกค้า ของพี่พีคมากแบบมีไปดักหมูป่า ฮ่าฮ่า (หมูป่าเยอะมาก และนางชอบกินและทำลายสวนส้น....มีอยู่วันนึงที่มีหมาของชาวบ้าน ไปกัดหมูป่าจนตาย ซึ่งจริง ๆ หมาตัวนี้น่ารักมาก นางชื่อกาโล่) งานก็ไม่ยาก สบาย ๆ ครับ เพราะอากาศดีประมาณ 6 องศา ฮ่าฮ่า มันเลยไม่ร้อน เก็บส้มไปเม้ามอยไป ....เม้ามอยนี่กับตัวเองนะเพราะพูดกับคุณตาคุณยายชาวสวนไม่รู้เรื่องเลย นางพูดได้แต่ภาษาญี่ปุ่น ส่วนพี่ภาษาญี่ปุ่น พี่ก็เตรียมตัวไปดีมาก ได้อยู่ 3 ประโยค คือ ฉันรักคุณ ฉันหิวแล้ว และขอกินอีก กร๊ากกกกก

นอกจากทำงานกับชาวบ้านแล้วนั้นทางโครงการยังมีวันว่างที่พาเราไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ พี่นี่เมาทุกปาร์ตี้เลยทีเดียว มีอยู่ปาร์ตี้นึง คือปาร์ตี้บุฟเฟต์สาเก ที่จัดปีละครั้ง ตรงกับเทศกาลเด็กผู้หญิง ปาร์ตี้นี้ต้องขับรถไปหมู่บ้านข้าง ๆ นะครับ ในงานมีสาเกหลายสิบชนิดให้ได้ลองชิม แซบจริงอะไรจริง ยิ่งเมาภาษาญี่ปุ่นจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้พูดได้มากขึ้นนะ แต่พูดว่า ขอกินอีก ได้ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ฮ่าฮ่า

 

ที่พิเศษสุดคือโครงการให้เราได้เข้าไปทำกิจกรรมกับนักเรียนในหมู่บ้านข้างเคียง (ไม่ใช่หมู่บ้านข้างเคียงจะไม่มีปัญหาประชากรนะครับ มีเหมือนกัน เด็กนักเรียนเลยค่อนข้างน้อย) ที่โรงเรียนพี่ได้มีโอกาสไปแนะแนวเรื่องประเทศไทย และช่วยเด็ก ๆ ฝึกษาอังกฤษ นึกแล้วก็สงสารนักเรียนจริง ๆ

3 อาทิตย์ เหมือนจะนาน .... รู้ตัวอีกทีก็จบโปรแกรมแล้วครับ ...โปรแกรมมันจบแบบเราไม่ทันตั้งตัว เพราะพี่มีความสุขกับมันทุกวัน ....เวลาแห่งความสุขผ่านไปเร็วเสมอ ประโยคนี้ยังคงอมตะครับ

พี่คงบอกไม่ได้ว่าค่ายนี้ช่วยอะไรพี่บ้าง หรือให้อะไรกับพี่บ้าง

เพราะพี่อยากให้ทุกคนไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง 

พี่อยากให้ทุกคนไปเปิดโลก ไปใช้ชีวิต 

พี่อยากให้ทุกคนลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ

พี่อยากให้ทุกคนลองเป็นอาสา

พี่อยากให้ทุกคนลองเป็นผู้ให้

เพราะทุกการให้ เราจะได้รับเสมอ

ด้วยรัก

พี่โอมเพี้ยง

 

ปอลิง ....

> ขอบคุณ Parin Charoenchanaporn และ VSA Thailand 

ที่ช่วยเหลือประสานงานอย่างดีครับ

>ขอบคุณชาวสวนทุกคนที่เปิดใจรับพี่ไปเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้าน

>ขอบคุณเพื่อนอาสาสมัครทุกคนที่ทำให้พี่รู้ว่ามิตรภาพไม่มีสัญชาติและไม่มีช่วงวัย

>ขอบคุณครอบครัวพริ้งค์และลูกค้าที่เข้าใจ ที่ให้พี่หยุดงานไปพักใจ

>ขอบคุณครอบครัวที่เลี้ยงดูพี่มาแบบนี้ แบบที่ให้พี่ได้ใช้ชีวิตที่พี่รักเสมอ

> สุดท้ายขอบคุณตัวเองที่กล้าออกไปย่ำโลกทุกครั้งที่มีโอกาส