เมื่ออาสาสมัครบ้าน ๆ โกอินเตอร์

อาจเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก สำหรับคนทั่วไปอย่างเราๆที่จะมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศสักครั้ง และฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เพียงแต่ฝันไปวันๆ โดยไม่เคยคิดว่าจะฝันนั้นจะเป็นจริง!!!

โอกาสนั้นมาถึงแบบมีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะตั้งตัว และเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทาง เมื่อใบสมัครที่ส่งไปแบบขอไปที ได้รับคัดเลือก และฉันก็มีเวลาหนึ่งเดือนหลังจากนี้กับการเตรียมพร้อมการเดินทางไปเป็นอาสาสมัครต่างประเทศ ฝันไปรึเปล่า!!!

 

โครงการ AEVTP หรือชื่อยาวๆที่เข้าใจว่า Asia-Europe Volunteer Team Building Partnership 2007 คือโปรแกรมที่ฉันจะต้องเดินทางไปร่วม โดยที่หมายแรกที่ต้องไปคือ การประชุมเตรียมความพร้อมกับคณะทำงาน ก่อนที่จะต้องลงไปทำงานอาสาเต็มตัว ที่เมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

“แล้วจะไปยังไง? วีซ่าขอยากมั้ย? แล้ววีซ่านี่ เขาขอกันยังไง? ต้องทำประกันด้วยเหรอ? เอ๊ะ!! แล้วแพงรึเปล่า? ฉันมีเงินไม่มากมายนักหรอกนะ” คำถามากมาย ประเดประดังพรุ่งพรูอยู่ในสมอง กว่าจะเรียกสติสตังค์กลับคืนมาได้ ก็เสียเวลาไปหลายชั่ววัน แล้วใครคนหนึ่ง ผู้มีประสบการณ์ชึวิตสู้ง สูง ก็ชี้ทางว่า “เพียงแค่ค่อยๆทำไปทีละเรื่อง ทีละเรื่อง อย่ากังวล เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดำเนินไปตามขั้นตอนของมันเอง เพียงแค่ตั้งสติ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”

 

ไปๆมาๆ ฉันก็มาโผล่อยู่ที่ปารีส เข้าประชุมเตรียมความพร้อมกับคณะทำงานเรียบร้อย แล้วก็พบว่า ตัวเองยืนอยู่หน้าภาระอันหนักอึ้งของการเป็นอาสาสมัครด้านงานผู้ลี้ภัย กับบัดดี้สาวสวยชาวเวียดนาม ที่จะต้องร่วมค่ายอาสาสมัครนานาชาติ ณ ประเทศเบลเยี่ยม และประเทศฝรั่งเศส หลังจากนี้อีกร่วมสองเดือน!! โดยมีรายงานเล่มโต พร้อมบทวิเคราะห์ที่ต้องส่งหลังจากเข้าร่วมค่าย..รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นนักเรียน นั่งทำวิจัยส่งอาจารย์ยังไงยังงั้น..เอาล่ะ .. ยังไงก็ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรม แม้พูดคนละภาษา แต่เราก็จะร่วมหัวจมท้ายกันที่ทวีปยุโรป ในอีกสองเดือนข้างหน้านี้..

 

แล้วฉันก็พบว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่ตัดสินใจร่อนใบสมัครส่งเดชมาที่นี่ เพราะค่ายผู้ลี้ภัยแรกที่ฉันมีโอกาสได้ร่วมนั้น แทบที่จะเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนความคิดของฉันไปทั้งหมด..

วันแรกที่เรามาถึงค่าย ( เรา ก็คือ เพื่อนอาสาสมัครอีก 9 คนจากประเทศอังกฤษ เบลเยี่ยม ฟินแลนด์ เยอรมัน เวียดนาม และสเปน) ก็คือภาพแรกของการเริ่มทำความเข้าใจว่าผู้ลี้ภัยคือใคร มาทำอะไรที่ประเทศคนอื่นเขา จากที่ฉันไม่เคยคิดจะใส่ใจก่อนหน้านี้เลย.. เราทั้ง 10 พักอยู่ที่ศูนย์ผู้ลี้ภัยเป็นเวลาสองสัปดาห์ โดยงานหลักของเราคือการคิดกิจกรรมต่างๆสำหรับผู้ลี้ภัยทุกคน เพื่อผ่อนคลายความเหงาหงอย เศร้าสร้อย จากปัญหาที่รุมเร้าภายในประเทศ จนต้องอพยพย้ายครอบครัว มาขอเป็นพลเมืองของประเทศที่พวกเขาคิดว่า น่าจะสงบสุขมากกว่าบ้านตนเอง..มาถึงตรงนี้..ก็รู้สึกรักและคิดถึงประเทศไทยขึ้นมาจับใจ ที่บ้านเราไม่มีปัญหาสาหัสสากันจนกระทั่งต้องอพยพหนีตายไปในดินแดนไกลโพ้น ซาบซึ้งในน้ำพระทัยในหลวง ที่ยังคงเป็นศูย์รวมดวงใจ ให้คนไทยรู้รักและสามัคคี..

 

กิจกรรมหลักๆที่เราทำร่วมกับผุ้ลี้ภัยภายในศูนย์ก็คือ การเล่นเกมกับเด็กๆ วาดภาพระบายสี จัดการแข่งขันกีฬา สำหรับผู้ใหญ่ การทำอาหาร และที่สำคัญคือพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ณ ศูนย์ผู้ลี้ภัยแห่งนี้ ฉันพบร้อยพันปัญหาจากผู้คนแต่ละประเทศ ทุกคนล้วนมีทุกข์ และต้องการใช้ชีวิตสงบสุขบั้นปลายที่ประเทศเบลเยี่ยมแห่งนี้

 

สองสัปดาห์ผ่านไป เร็วไวเหมือนติดจรวด ร่ำลาพร้อมน้ำตาอาบแก้ม แม้ไม่อยากจากแต่ก็จพเป็นต้องหันหลัง เพราะชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป ยังไงก็ขอให้ทุกคนที่ศูนย์ Ter Dennen โชคดี ถ้ามีโอกาสอีกที สัญญา..ว่าจะหลับมา

 

เดินแบกกระเป๋าใบใหญ่ ใส่เสื้อผ้าและความทรงจำที่อัดแน่นมุ่งหน้าตรงไปเทือกเขาแอลป์ ประเทศฝรั่งเศส อีกสองวันข้างหน้า การประชุมทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัยในทวีปยุโรปจะเริ่มต้นขึ้นที่นั่น..

 

ภาพที่ศูนย์ผู้ลี้ภัยเลือนหายไปอย่างรวดเร็วในช่วขณะ เมื่อฉันต้องตั้งสติอีกครั้ง เมื่อเผชิญกับความเป็นจริงและข้อมูลดิบของผู้ลี้ภัยที่พบว่า มีมากมายเหลือเกินในประเทศยุโรป ขณะที่หลายประเทศยื่นมือพร้อมช่วยเหลือให้ที่พักพิง แต่บางประเทศก็ปฏิเสธไม่สนใจอย่างเลือดเย็น..แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจในฐานะของทั้งสองฝ่าย สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ คือคิดว่า เราจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เพื่อช่วยเพื่อนร่วมโลกที่กำลังเดือดร้อนมานานแล้ว..

 

เราพบว่าจำนวนของผู้ลี้ภัยเพิ่มมากขึ้นหลังจากปัญหาระหว่างประเทศอิรัก กับสหรัฐอเมริกา ชาวอิรักจำนวนมากอพยพลี้ภัยไปที่ประเทศยุโรป และสองในสามของผู้อพยพได้รับการตอบรับจากกลุ่มสมาชิก EU ให้เป็นพลเมืองในประเทศของตน

เสมือนว่าการประชุมในครั้งนี้จะตอกย้ำให้ฉันได้ตระหนักถึงปัญหาเรื่องผู้ลี้ภัยของโลก ร่วมทำเปลี่ยนให้คนธรรมดาคนหนึ่งเข้าเป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวการแก้ปัญหาเรื่องผู้ลี้ภัย

 

หลังเสร็จสิ้นการประชุม ฉันก็ต้องมุ่งตรงไปยัง Damvelly Los Combo เพื่อร่วมค่ายอาสาอีกค่ายหนึ่งก่อนเดินทางกลับ ที่นี่..เราช่วยกันสร้างกำแพงให้กับหมู่บ้านเล็กๆทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส เป็นการจบส่งท้ายการทำงานอาสาสมัครนานาชาติอย่างประทับใจ เพราะค่ายนี้ ทำให้ฉันพบกับมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่จากการร่วมแรงร่วมใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งเป็นความหมายของคำว่าอาสาสมัคร อย่างแท้จริง

 

ถึงบ้าน..อย่างปลอดภัย แต่…ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อฉันต้องไปประชุมประเมินผลครั้งสุดท้านที่ประเทศญี่ปุ่น ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าและตอนนี้ก็ถึงเวลาของ..รายงาน

ประชุมประเมินผลสุดท้าย ด้วยข้อแนะนำที่ว่า โปรแกรมควรจะยังมีต่อเนื่องในปีหน้า เพราะการทำงานลงลึกของอาสาสมัครนั้น มิได้เกิดขึ้นได้บ่อยๆ โดยเฉพาะในส่วนงานผู้ลี้ภัย ที่คณะทำงานมองว่าค่อนข้างที่จะเกิดขึ้นยาก แต่ฉันกลับเห็นว่า น่าเสียดาย เพราะอย่างน้อย ในแต่ละปี ก็สามารถสร้างความเข้าใจ และกระตุ้นในคนทั่วๆไป มองปัญหาระดับโลกมากขึ้น “เพียงแค่เปิดโอกาสให้เห็น ก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้วที่จะแก้ปัญหา”

AEVTP Project

July- November 2007 at France, Belgium, Japan

Jarinya Krittikan