Heart 

หัวใจไร้ประตู

วันนี้ขอเขียนเรื่องการพิจารณาจิต หัวข้อเริ่มต้นอาจฟังดูน่าเบื่อ และโอนเอียงไปในทางธรรมเสียหน่อย แต่การพิจารณาจิตตนเองนั้นไม่ใช่เพียงการทำสมาธิ วิปัสสนา หรือกำหนดจิตโดยการระลึกรู้ลมหายใจตามแนวทางพุทธเถรวาทเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ประสบการณ์การอยู่ร่วมภายใน Peace Village ทำให้เข้าใจได้ว่า ผู้ที่ระลึกรู้เท่าทันความคิดจิตใจตนเองนั้น จะมีกำลังกายใจและกำลังกายที่เข้มแข็งสามารถต่อสู้และฝ่าฟันกับอุปสรรคต่าง ๆ ได้มากกว่าผู้ที่ล่องลอยไปตามอารมณ์

การพิจารณาจิตในที่นี้หมายความถึง การรู้เท่าทันในอารมณ์ สังคม อันจะนำมาซึ่งปัญญา ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ

การเปรียบเทียบอาสาสมัครสองคนนี้ไม่ได้ต้องการว่ากล่าวอาสาสมัครคนหลัง เพียงแต่วิธีการจัดการกับปัญหาหรือกับภาวะจิตใจของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน อาสาสมัครคนที่สองนั้น เมื่อกลับจากประเทศไทยแล้ว จะกลับไปศึกษาต่อด้านวิชาการแพทย์ ซึ่งเธอนั้นถือเป็นผู้ที่มีสติปัญญาระดับดีเยี่ยม ในขณะที่อาสาสมัครคนแรกเพิ่งเรียนจบ และยังไม่รู้ว่าจะหางานทำ หรือเรียนต่อ ยังคงสับสนในหนทางชีวิตที่จะดำเนินต่อไป จึงเลือกมาเป็นอาสาสมัครในต่างแดนเสียก่อน

ก่อนหน้านี้ที่ Peace Village มีน้ำท่วมบ่อยครั้งเพราะภูมิประเทศตั้งอยู่ที่ลุ่ม และเป็นเส้นทางน้ำไหลผ่านเดิม เมื่อฝนตกอาสาสมัครบางคนเลือกที่จะบ่นตลอดเวลา ว่าเสื้อผ้าของเธอจะเปียก และไม่สามารถที่จะทนอยู่กับสภาพอากาศเช่นนี้อีกต่อไปได้ จึงเลือกที่จะหยุดการทำงานอาสาสมัครและออกท่องเที่ยวในสถานที่อื่น ๆ ต่อไป

บางคนก็มีปัญหาผิดใจกับเพื่อนร่วมค่ายคนอื่น ๆ และเลือกที่จะไม่พูดคุยกันจนจบค่าย

การอยู่ร่วมกันของมนุษย์นั้นประกอบไปด้วยปัญหามากมาย จึงทำให้เราต้องตั้งกฎ ตรากฎหมาย หรือสร้างข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน ยิ่งการมาจากกฎ จากวัฒนธรรม ภาษา ค่านิยม ภูมิประเทศ หรือความคิดที่ต่างกันแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องเปิดใจให้กว้างเป็นอย่างมาก หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจไร้ประตูเลยก็ได้ (เพราะจะได้ไม่ต้องเปิด)

สุดท้ายก็ไม่มีทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เพราะในแต่ละคน แต่ละสถานการณ์ย่อมต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน คนหนึ่งว่าดีเช่นนี้ คนหนึ่งว่าดีเช่นนั้น ต่างจิตต่างใจ ดีเพียงอย่างหนึ่งที่มาตั้งต้นเรียนรู้ความแตกต่างกันที่ Peace Village แห่งนี้ ไม่เช่นนั้น คงใช้ชีวิตธรรมดาในสังคมเดิม ๆ ไปในแต่ละวัน

Gate/ VSA