Great Britain:
YMCA FAIRTHORNE MANOR 

ตามติดชีวิตจิตอาสาในต่างแดน

CONCUKLTV01-17 YMCA FAIRTHORNE MANOR (GBR) 10/03/2017-03/11/2017 Part 1

7 มีนาคม 2560 เริ่มออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิพร้อมกระเป๋าติดตัวสองใบรวมๆแล้วสามสิบกิโลกว่า แผนการเดินทางของเราคือ กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์- ลอนดอน หลังจากตรวจเอกสารเรียบร้อยแล้วเราก็แบกเป้สีชมพูใบใหญ่เดินตุปัดตุเป๋ขึ้นเครื่อง พอขึ้นเครื่องหาที่นั่งเราก็พยายามยัดเจ้าเป้ใบใหญ่เข้าในช่องเก็บสัมภาระ และแล้วด้วยน้ำหนักของเป้เจ้าปัญหาทำให้มันตกตุ๊บลงมาโดนลุงชาวไอริสข้างล่างอย่างจัง omgggg I am sorryyyy คุณลุงก็ใจดีบอกไม่เป็นไรๆ แถมมาช่วยยกเป้เข้าในช่องสำภาระอีก เราก็เดินไปหาที่นั่งอย่างสงบเสงี่ยม แต่ไม่ทันไรงานก็งอกอีกละจ้าา หนุ่มแขกข้างๆมากันเป็นหมู่คณะตัวเหม็นมากกก ย้ำว่ามากกก เวียนหัวรุนแรงคิดใจใจยังโชคดีนี่นั่งไปมาเลแค่สามชั่วโมง นี่ถ้านั่งต่อไปลอนดอนคงได้เมากลิ่นตัวกัน หลังจากเครื่อง landing มาเลเรารีบวิ่งออกมาหา gate ถัดไปที่ต้องต่อเครื่องไปลอนดอน จำได้ว่าเจ้าหน้าที่ที่สุวรรณภูมิให้หาบอร์ดใหญ่ๆตรงทางลง ณ ตอนนั้นคิดในใจว่าไหนฟระ? พอเดินออกมาจากเครื่องก็เจอทางแยก บอร์ดอะไรก็ไม่มี เอาวะไม่ซ้ายก็ขวา โบราณบอกขวาร้ายซ้ายดี เลี้ยวซ้ายละกัน เดินเลี้ยวไปไม่เจอเจ้าหน้าที่ซักคน โชคดีเจอกัปตันหนุ่มหน้าคมเดินผ่านมาเรารีบวิ่งไปถาม เอ่ออ จะต่อเครื่องไปลอนดอนต้องทำไงคะ พี่แกก็ใจดีหาบอร์ดให้แล้วก็พาไปส่งที่รถไฟที่จะพาไปเกต ถอนหายใจแรง รอดไปอีกหนึ่ง step ระหว่างทางที่เดินเข้าเกต ก็เจอคุณลุงชาวไอริสคนเดิมนั่งอยู่เหมือนกัน เราก็ดีใจเดินไปนั่งกับคุณลุงคุยไปคุยมาปรากฏว่าลุงพูดไทยได้นิดหน่อย เคยมาสอนอยู่ที่กรุงเทพคริสเตียนเกือบสามปี เราก็นั่งเม้ามอยกันไปสักพักเจ้าหน้าที่ก็เรียกขึ้นเครื่อง เรานั่งติดกับคุณป้าชาวอังกฤษกับหนุ่มอังกฤษ backpacker สุดเซอตอนแรกแอบกลัวคือพี่แกดู bad มากแต่จริงๆแล้วใจดีมากๆ พอนางรู้ว่าเรามาอังกฤษครั้งแรกก็แนะนำโน่นนี่ให้หลายอย่าง พอคุยกันก็ได้ความว่านางเป็น backpacker เรียกได้ว่าเกือบตลอดชีวิตตั้งแต่เรียนจบเลย ไปมาแล้วเกือบทั่วโลก นางไม่ค่อยมีเงินนักหรอกแต่อาศัยว่าพอไปเที่ยวที่ไหนก็จะหางาน part-time ทำที่นั่นให้พอค่าตั๋วเครื่องบินแล้วก็ย้ายไปเรื่อยๆนี่เป็นครั้งแรกในรอบสองปีที่นางกลับบ้าน !!!!ขุ่นพระยังจำทางกลับบ้านได้มั๊ยเนี่ย เราฟังแล้วแบบชีวิตที่ผ่านมาเราทำไรไปบ้าง วันๆเรียนพิเศษๆ อ่านหนังสือๆเพื่อบากบั่นเข้าคณะที่ไม่ชอบเนี่ยนะเฮ้ออ แต่จะให้เราไปเที่ยวรอบโลกแบบนั้นก็คงไม่กล้าพอแถม visa ไม่ผ่านอีกตั้งหาก หลังจากนั่งคุยไปสักพักเครื่องก็ปิดไฟให้ผู้โดยสารพักผ่อนแต่เอาจริงๆเราไม่ได้นอนเลยย คือมันนอนไม่หลับจริงๆทรมานมาก แถมแอร์โฮสเตสปลุกมากินข้าวตอนตีสอง ให้ตายเถอะ!!! พอผ่านไปสักพักใหญ่มากกกก เครื่อง landing ที่ลอนลอนแล้ว เยสสส เราก็ผ่านด่านมาอย่างราบรื่นน ด่านต่อไปคือเดินทางไปที่พักคนเดียวววและครั้งแรกในต่างประเทศ!


การเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ลอนดอนแบบที่ถูกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินหรือ tube นั่งเอง จากสนามบินก็หาง่ายๆระหว่างเปลี่ยนขบวนก็ไม่มีไรมากมีลิฟให้ขนของ แต่จุดพีคมันอยู่ตอนที่เราต่อรถไฟจ้าาา มันพีคไงหนะหรอ คือมันจะมีบอร์ดใหญ่ๆที่ขึ้นว่ารถไฟขบวนไหนอยู่ชานชลาที่เท่าไหร่ที่หน้าสถานี เราจะต้องรู้ก่อนว่าเราขึ้นชานชลาไหนก่อนจะแตะบัตรตรงทางเข้าและวิ่งไปขึ้นรถได้ แต่!!!!! มันจะบอกล่วงหน้าแค่ 5นาทีเท่านั้น คือตอนนั้นคิดในใจแบบอีบร้าาาา จะให้วิ่งแตะบัตรพร้อมขนกระเป๋า 30โลวิ่งไปชานชลาภายใน 5นาทีเนี่ยนะ คือกรี๊ดดดดดด เรานี่วิ่งเกือบตายเรียกว่ารอดเกือบฉิวเฉียดและที่รอดมาได้เพราะเราไปขึ้นผิดตู้ ดันวิ่งไปขึ้นตู้ VIP ที่หัวขบวน คือทำไงได้อ่ะแค่นี่ก็เกือบไม่ทันละ เจ้าหน้าที่คงเห็นว่าเราเป็นต่างงชาติก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็เดินนำไปที่ตู้ธรรมดา เห้อออถอนหายใจยาว

หลังจากขึ้นรถไฟไปถึงสถานีปลายทาง botley ความพีคสุดท้ายก็มาเยือนเนื่องจากเราไม่มี sim card เลยโทรหาโฮสไม่ได้จึงต้องเดินไปเอง แต่จากชานชลาไปถนนต้องขึ้นสะพานลอย คือปกติกระเป๋าทางลาดนี่แทบจะลากไม่ไหวแล้วบันไดอันสูงชันนี่ข้าจะรอดมั๊ยย แต่ไม่รอดก็ต้องรอดค่ะ เพราะไม่มีมนุษย์สักคน ค่อยๆยกกระเป๋าขึ้นทีละขั้น เหมือนนางเอกในนิยายรันทดพจมาน พอข้ามถนนได้กรรมเจอแต่ความว่างเปล่าไม่มีมนุษย์เดินผ่านให้ถามสักคนนี่เมืองร้างหรือไงยะ! เราก็พยายามลากกระเป๋าตุเลงตุเลงไปเจอร้านสะดวกซื้อโชคดีที่เค้ารู้ทางในที่สุดก็มาถึงโดยสวัดดิภาพ เย่!!!!!!จุดพลุรัวๆ พอไปถึงเราก็เข้าไปที่ Reception ก่อนเลย และภาพแรกที่เห็นก็ทำเอาหายเหนี่อยเป็นปลิดทิ้ง หนุ่มฝรั่งผมน้ำตาลตาฟ้าหุ่นหล่อล่ำยังกะหลุดมาจาก magazine men health…

By อิงฟ้า