Taiwan

Let’s repair the old houses

ประสบการณ์จากการเป็นอาสาสมัครครั้งแรกของฉันนั้นเกินความคาดหมายมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฉันตัดสินใจเป็นอาสาสมัคร เช่นเดียวกันกับการเดินทางไปไต้หวัน ก่อนออกเดินทาง ฉันไม่คาดหวังอะไรมากมายนัก นอกจากความตั้งใจที่อยากจะไปช่วยงานที่นั่น แต่รู้หรือไม่ว่า หลังจากกลับมาจาก workcamp มันก็ทำให้ฉันอยากจะกลับไปที่นั่นในฐานะอาสาสมัครอีกครั้งหนึ่ง

เรื่องราวความประทับใจจากการไปไต้หวันครั้งนี้ มีเยอะแยะมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่ฉันออกเดินทาง ด้วยความที่ไม่เคยไปไต้หวันมาก่อนเลย และเป็นการเดินทางคนเดียวด้วยแล้ว ฉันค่อนข้างกังวลอยู่พอสมควร แต่ในเมื่อมาถึงแล้ว ฉันก็ต้องลุยต่อ ... ฉันต้องไปลงเครื่องที่ Taipei Taoyuan international airport ต่อด้วย MRT อีกประมาณ 30 นาที เพื่อไปต่อรถประจำทางที่  Taipei main station ใช้เวลาเดินทางด้วยรถประจำทาง อีกประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อไปลงที่  Xiluo ซึ่งเป็นที่ตั้งของ workcamp

ระหว่างทาง ฉันถามเส้นทางจากคนไต้หวันไปตลอดทาง เพื่อให้แน่ใจว่าฉันกำลังเดินทางไปถูกที่ถูกทาง ถึงแม้จะดูแผนที่ในมือไปตลอดทางก็เถอะ คนที่นั่นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ แต่ภาษาหลักคือ ภาษาจีน ผู้คนที่นั่นเป็นมิตรมาก พร้อมจะช่วยเหลือตลอดเวลา

อาสาสมัครรวมทั้งหัวหน้าค่ายมีทั้งหมด 20 คน โดยส่วนใหญ่มาจากไต้หวันครึ่งหนึ่ง และจากต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเช็ก ฝรั่งเศส ฮ่องกง แคนาดา ญี่ปุ่น มาเลเซีย และประเทศไทย

ที่ค่าย..ฉันสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของแต่ละคน ที่จะมาช่วยงานอาสาที่นี่ ..

งานเริ่ม ตั้งแต่ 9 โมงเช้า จนถึง 5 โมงเย็น งานของเราก็มีทั้ง ทำ Mosaic เป็นรูปสะพาน xiluo  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของที่่นี่ ขัดสนิมและลงน้ำมันกันสนิมของประติมากรรม ทำความสะอาดที่พิพิธภัณฑ์ และสอนหนังสือเด็กประถม  ถึงงานแต่ละวัน จะไม่ยากเท่าไหร่นัก แต่ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนเหมือนกับแดดเมืองไทย ก็ทำให้หลายๆ คน เหนื่อยบ้าง แต่ถึงอย่างไร ทุกคนก็ยังมุ่งมั่น ที่จะทำงานที่มอบหมายให้สำเร็จ และนี่ก็เป็นความประทับใจอีกอย่างนึงของฉัน ที่ได้เห็น คนจากต่างวัฒนธรรมกัน ต่างภาษากัน แต่มาอยู่ร่วมกันและตั้งใจกันทำงาน เป็นพลังงานที่ดีมาก พอเลิกงานแต่ละวันนั้น เราก็ไม่ได้พักกันสบายๆ แต่เราจะต้องมีทีม ซึ่งถูกแบ่งเป็น 2 ทีม ซึ่งจะสลับกัน ทำอาหารเย็น และทำความสะอาดที่พัก ในแต่ละวันด้วย และประมาณ 2 ทุ่ม ของทุกวัน ก็จะมีการประชุม ซึ่งจะพูดถึง ผลงานที่ทำสำเร็จ และงานที่กำลังจะได้รับมอบหมายให้ทำในวันรุ่งขึ้น

นอกจากทำงานแล้ว ฉันยังได้ไปเรียนรู้วิธีทำซีอิ๊ว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของที่นั่น ได้ฝึกทำเกี๊ยว ได้ไปไหว้พระ ในวัดใกล้ ๆ กับที่พวกเราทำงาน ได้เรียนรู้การแสดงหุ่นกระบอกของไต้หวัน ได้ฟังวิทยากรเล่าเรื่องประวัติของ xiluo และสะพานสีแดง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น landmark เลยก็ว่าได้ ฉันได้รับความรู้มากมาย รวมถึงได้เรียนรู้ เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนไต้หวันอีกด้วย

นอกจากตารางที่แน่นในแต่ละวัน  เราก็มีวันว่าง 2 วันจากทั้งหมด 14 วันให้ได้ไปพักผ่อน แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ ... ฉันได้นั่งรถไฟ ออกไปต่างเมือง ไปเที่ยว Alishan ไปเดิน ชิลๆ ที่ night market in Chiayi และไปสวนสนุกกับเพื่อนๆ

และนั่นก็ได้ทำให้ฉันเห็นมุมมองที่หลากหลาย ในไต้หวัน

นอกจากนี้ เรายังมี culture night ซึ่งเป็นงานที่ถูกจัดขึ้น เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม และเรายังได้ทำกิจกรรมกับคนท้องถิ่นที่ และยังได้โชว์ฝีมือการทำอาหารประจำชาติ ให้ทุกคนได้ลองชิมกันอีกด้วย

การใช้ชีวิตที่ค่ายนานาชาติที่ไต้หวันตลอด 2 สัปดาห์ มันทำให้ฉัน มีความรู้สึกอย่างหนึ่งนั่นคือ เราอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว เราเล่นด้วยกันตอนดึกระหว่างรอเข้าคิวอาบน้ำ ซึ่งห้องน้ำมีห้องเดียว เลยจำเป็นต้องนั่งรอคิว เราร้องเพลงด้วยกัน เราหัวเราะด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ...จากวันแรก ที่ทุกคนเป็นคนแปลกหน้า มาจากคนละประเทศ คนละภาษา แต่สุดท้าย ทุกคนก็กลายมาเป็นเพื่อนกัน ร่วมทุุกข์ ร่วมสุข ร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ จนสุดท้าย จึงได้กลายมาเป็นมิตรภาพ และความทรงจำดี ๆ ที่เกิดขึ้น ระหว่างทุกคนในค่ายค่ะ ....