Iceland

June in Mýrdalshreppur 

สวัสดีค่ะ ชื่อจูนค่ะ ค่ายนี้เป็นค่ายที่สองค่ะ ค่ายแรกที่ประเทศอิตาลีค่ะ (Agape) ระยะเวลาห่างกัน 9 วัน จูนเลยมีเวลาเตรียมตัวมากหน่อยในการเดินทางมาประเทศไอซ์แลนด์ การเดินทางมาที่ประเทศไอซ์แลนด์ ไม่ค่อยยุ่งยากค่ะ เพราะก่อนที่เราจะเดินทาง ทางค่าย (SEEDS) เค้าจะส่งรายละเอียดมาให้เราค่ะ เราก็อ่านแล้วทำความเข้าใจ ถ้าเราไม่เข้าใจก็ถามได้ค่ะ เพราะจูนเองก็ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ  ก็เลยเขียนอีเมลไปถามค่ะ สับสนกับจุดนัดพบค่ะ จูนไปถึงก่อนวันไปค่าย 2 วันค่ะ ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่มีธรรมชาติและเทคโนโลยีอยู่รวมกัน ความทันสมัยไม่ได้เข้าไปทำลายความสวยงามของธรรมชาติเลย อากาศที่ประเทศไอซ์แลนด์แปรปรวนตลอดเวลาค่ะ มีทั้ง ฝนตก แดดออก ลมแรง และหนาว เรียกได้ว่ามีครบใน 1 วัน ยกเว้นอากาศร้อนค่ะ

การเดินทางมาที่ประเทศไอซ์แลนด์ควรเตรียมร่ม  เสื้อกันฝน เสื้อกันหนาว ถุงเท้า เสื้อแขนยาว และเสื้อผ้าที่ทำให้เราอบอุ่น และป้องกันไม่ให้เราเปียกจากฝนด้วย จูนมาถึงวันแรก ก็เจอทั้งลม ทั้งแดด และก็หนาว ที่นี่พระอาทิตย์ตกตอน 2 ทุ่ม จึงมีเวลาเดินเที่ยวได้นานหน่อย จูนเดินหาจุดนัดพบก่อนเลยอันดับแรก เดินวนไปวนมา จนเจอจุดนัดพบ เป็นบ้านค่ะ จะมีโปสเตอร์ขององค์กรติดอยู่หน้าบ้าน วันที่สองฝนตกค่ะ ไม่หนักมาก แต่เดินไปเดินมาก็เปียก เหมือนกันค่ะ  จูนไม่ได้เตรียมร่มไป จึงเดินออกไปหาซื้อร่ม พอได้ร่ม ก็เดินหาร้านขายของ ชื่อร้าน Bonus มีเกือบสินค้าเกือบทุกอย่างค่ะ

จูนซื้อของเตรียมไปที่ค่ายค่ะ เพราะที่ค่ายค่อนข้างห่างจากในตัวเมือง จึงหาซื้อของที่เราอยากกินเอาไว้ไปกินที่ค่ายค่ะ ค่ายจูนเริ่มวันที่ 23 กันยายน ถึง 7 ตุลาคม อาสาสมัครทุกคนต้องไปเจอเพื่อนที่จะไปค่ายด้วยกันที่จุดนัดพบค่ะ พอถึงเวลานัดพบ ก็จะมีรถขององค์กรมารับ พร้อมกับอาสาสมัครที่เป็นหัวหน้าเราค่ะ เราต้องไปที่สำนักงานก่อนค่ะ ก็คุยรายละเอียดและก็จ่ายค่าธรรมเนียม จากนั้นก็เดินทางไปค่ายกัน

จูนกับเพื่อน ๆ ไปถึงค่ายวันแรกก็ไปเที่ยวเลยค่ะ ไปดูชายหาดสีดำ ทรายสีดำ และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใกล้ ๆ ค่ายค่ะ ประทับใจมากค่ะ เดินทางข้ามทวีปมาเจอธรรมชาติสวย ๆ แบบนี้ ปลื้มมากค่ะ ที่ฟาร์มมีรถให้เราใช้ค่ะ น้ำมันเขาก็เติมให้ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางค่ะ  ส่วนเรื่องที่พัก สบายมากค่ะ เพราะที่ฟาร์มเค้าทำเป็นเหมือนบ้านพักให้เช่ารายวันค่ะ สำหรับนักท่องเที่ยวทีจะมาเที่ยวและต้องการที่พัก บ้านพักที่เราอยู่ มี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องตากผ้า 1 ห้องนั่งเล่น  ทุกห้องมีเครื่องทำความร้อนค่ะ ข้างนอกหนาว แต่ในบ้านอุ่นค่ะ ในห้องนอน มีเตียงนอน พร้อมหมอนค่ะ บางห้องมีผ้าห่ม สำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมถุงนอนมา จูนก็ไม่ได้เตรียมถุงนอนมาค่ะ โชคดีที่ทางฟาร์มมีให้ บ้านพักสบายค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าจะลำบาก อาสาสมัครทุกคนพักอยู่รวมกัน โดยสามารถเลือกห้องนอนเองได้ อาสาสมัครแต่ละคนจะมีหน้าที่คือ ทำอาหารและทำความสะอาดค่ะ ก็ผลัดเปลี่ยนแบ่งเวรกันค่ะ

 เริ่มทำงานเวลา 10.00 พักทานอาหารเที่ยง 12.30-13.30 อาหารทำกันเองค่ะ 15.30-16.00 เป็นเวลาพัก 16.00-18.00 ทำงาน หลัง 18.00 ตามอัธยาศัยค่ะ แต่ที่นี่จะทานอาหารเย็นตอน 1 ทุ่ม ถ้าเป็นเวรเราทำอาหารเย็น เราก็ต้องทำอาหารให้เพื่อน ๆ ทานค่ะ เหมือนกับอาหารเที่ยงค่ะ เริ่มงานวันแรกวันที่ 24 งานที่ทำคือ ไปที่ไร่แครอทค่ะ จูนกับเพื่อนต้องช่วยกันดึงพลาสติกในแปลงแครอท คือดึงพลาสติกออกจากดินค่ะ  ส่วนบางคนก็ดึงท่อออกจากแปลงแครอทค่ะ (ท่อทำเป็นโครงเพื่อนำพลาสติกมาคลุม น่าจะใช้กันฝน ไม่ให้แครอทโดนฝนมากเกินไปค่ะ)

วันที่สอง ก็ไปเก็บแครอทค่ะ ทางฟาร์มมีรถเก็บแครอท เหมือนเครื่องเกี่ยวข้าวของบ้านเรา วันที่สามฝนตกไปเก็บแครอทไม่ได้ เราก็ไปทำงานในโรงเรือน เป็นที่เก็บแครอท ทำความสะอาดแครอท และก็บรรจุแครอทค่ะ งานที่ทำ ก็แบ่งกันทำ บางคนบรรจุแครอท บางคนทำความสะอาดแครอท ทำความสะอาดแครอทก็มีเครื่องทำความสะอาดนะคะ เราแค่ดึงรากแครอทออก และแยกแครอทที่ไม่ดี ไม่สวย เน่า ออกค่ะ งานง่าย ๆ ทำทั้งวันค่ะ แต่ก็พักตามเวลาที่เค้ามีให้ค่ะ ไม่เหนื่อย มีเพลงให้ฟังด้วย เพื่อนบางคนก็เล่นเกมทายปัญหา เล่นเกมไป ทำงานไปด้วยสนุกดี

ที่ฟาร์มมีเลี้ยงวัวนมและปลูกมันฝรั่งด้วยค่ะ แต่หน้าที่ของเราคือแครอท ถ้าอยากช่วยงานในฟาร์ม พวกรีดนมวัว ให้นมวัว ให้อาหารวัว เราก็ไปช่วยได้ค่ะ จูนกับเพื่อนก็ไปช่วยบ้างบางวันได้เรียนรู้อะไรต่างๆมากมายเกี่ยวกับฟาร์ม ทางฟาร์มจ่ายค่าอาหารให้เราค่ะ  เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารค่ะ คนที่เป็นหัวหน้าเค้าจะไปซื้ออาหาร เราต้องการอะไรก็บอกเขา เขาจะไปซื้อมาให้ เพราะของที่ซื้อมาจะเป็นอาหารของทุกคนที่เป็นอาสาสมัครค่ะ ถ้าเราต้องการเนื้อวัวเนื้อแกะ เนย นม เราสามารถขอกับเจ้าของฟาร์มได้ค่ะ เพราะเราทำงานให้เขา เขาให้อาหารกับที่พักเรา ทางฟาร์มมีรถให้ใช้ด้วยค่ะ รถเก่านะคะ แต่สามารถพาเราไปได้ทุกที่ที่เราอยากไปค่ะ สบายมาก ค่าน้ำมันทางเจ้าของฟาร์มก็จ่ายให้ค่ะ เราแทบจะไม่ได้จ่ายอะไรเลย นอกจากของส่วนตัวที่เราต้องการซื้อ วันหยุดมี 2 วันต่อกัน สถานที่ท่องเที่ยวบางที่ที่ต้องจ่ายเงินเข้าชม บางครั้งเราก็ไม่ต้องได้จ่าย เพราะเราเป็นอาสาสมัครของประเทศไอซ์แลนด์ เพราะฉะนั้น สถานที่เที่ยวบางที่ เราอาจจะได้เข้าฟรี หรือได้ส่วนลดค่ะ

การมาเป็นอาสาสมัครที่ประเทศไอซ์แลนด์ สนุกและก็ได้ความรู้ค่ะ แน่นอนเราได้เพื่อนต่างชาติ ได้เรียนวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา ได้เรียนรู้ภาษา สำเนียง ที่มีความแตกต่างกันทุกอย่างจากบ้านเรา เราได้ฝึกการใช้ภาษามากค่ะ เพราะคนที่ประเทศไอซ์แลนด์ ส่วนมากพูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องการสื่อสาร คนที่ประเทศไอซ์แลนด์ใจดี โดยเฉพาะเจ้าของฟาร์ม หรือค่ายที่เรามาอยู่ ใจดีมาก ถ้าได้มาแล้วจะติดใจค่ะ