United States

Gardening and  Park Burlington  Camp

ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า เพราะความประทับใจเริ่มต้นจากปีที่แล้ว ที่สร้างแรงบันดาลใจทำให้ปีนี้ผมได้กลับมาเป็นอาสาสมัครอีกครั้งในฐานะ Co-leader หรือผู้ร่วมนำค่าย

ค่ายนี้เป็นค่ายที่ทำต่อเนื่องกันมาหลายปี Volunteer For Peace ร่วมกับ Burlington Park and Reccuation Waterfront และอาสาสมัครนานาชาติ และสมาชิกต่าง ๆ ที่ร่วมค่ายได้แก่ อาสาสมัครจากอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน ตรุกี อิตาลี และโปแลนด์ โดยกิจกรรมหลักของค่าย ได้แก่ การสร้างและซ่อมบำรุง โดยเราสร้างและต่อเติมสวนผัก ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับผู้ที่ต้องการเช่าพื้นที่ปลูกผัก ค่าเช่าอยู่ที่ $60 ต่อปี มีน้ำฟรี

ในปีนี้แผนการก่อสร้างของเราคือทำแปลงผักที่ผู้พิการหรือผู้สูงอายุสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก โดยที่ไม่ต้องก้มลงไปปลูกผัก พูดง่าย ๆ คือยกแปลงผักให้สูงขึ้นจากพื้นดิน สูงพอที่ผู้พิการและผู้สูงอายุจะใช้งานได้ง่ายขึ้น และแปลงผักที่เราสร้างนั้นเป็นที่แรกที่ของเมืองที่ทำให้ผู้พิการสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย จึงเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของ Community Garden ของเมือง

อีกกิจกรรมหนึ่งคือซ่อมแซมทางเดินในป่า Walk Trail (งานนี้หนัก) เราต้องเปลี่ยนแผ่นไม้ซึ่งเป็นทางเดินในป่า ต้องยกแผ่นเก่าออกมาและยกแผ่นใหม่เข้าไป ความยาวของทางเดินประมาณ 300 เมตร แต่ความหนักของแผ่นไม้นั้น ให้ลองจินตนาการถึงแผ่นไม้แผ่นใหญ่ชื้น ๆ ข้อดีคือมีเบอรี่ป่าให้เก็บทานข้างทางถือว่าคุ้มค่า

ค่ายของเราจัดที่ Burlington , Vermont , U.S.A. ระหว่างวันที่ 2 กรกฎาคม ถึง 23 กรกฎาคม รวมระยะเวลา 3 สัปดาห์ ที่กินอยู่กับอาสามัครจากทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง โดยค่ายนี้เป็น Teen Camp หรือค่ายวัยรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี (*ภาษาพูด อาจมีคำส่อเสียดและล่อแหลมบ้าง เพื่ออรรถรถในการอ่าน ผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี ควรได้รับคำแนะนำ)

เริ่มแรกเลยผมประทับใจค่ายเมื่อปีที่ผ่านมาที่นิวยอร์คมาก เป็นค่ายที่มีพลังงานมากและสร้างแรงบรรดาลใจได้ดีมาก จึงอยากเรียนรู้ที่จะเป็นผู้นำค่าย เพราะปีที่แล้วคนนำค่ายอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น และทาง VFP ก็แจ้งว่าต้องการ Co-Leader จึงสมัครไป 1 ค่าย เป็นค่ายที่ Montperlier, Vermont และร่วมค่ายอีกค่ายหนึ่งที่เมืองเดียวกัน แต่เป็นเมืองหลวงของรัฐ ซึ่งถ้าใครรู้จักรัฐนี้ก็จะรู้ดีว่า เมืองหลวงกลางหุบเขาเป็นยังไง เป็นเมืองที่เงียบมาก เป็นเมืองธรรมชาติ ใครชอบเดินป่าเชื่อได้เลยว่าจะต้องรักที่นี่

Burlington เป็นเมืองที่ไม่ใช้เมืองหลวงแต่เจริญกว่าเมืองหลวงมาก เปรียบเทียบให้เห็นภาพ Montperlier คือ เชียงใหม่ Burlington คือ กรุงเทพ ซึ่งคือความแตกต่าง สาเหตุที่ Burlington เจริญกว่าเพราะตัวเมืองอยู่ติดกับ Lake Champaine ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อน ใคร ๆ ก็อยากอยู่ไกล้ทะเลสาบ Lake Champaine เป็นทะเลสาบน้ำจืดขาดใหญ่และเป็น 1 ใน 5 ทะเลสาบขนาดใหญ่ของอเมริกา สาเหตุที่อยากกลับมาเป็นอาสาสมัครที่นี่อีกเพราะเมืองมีป่าเขา อากาศดี หน้าหนาวก็เล่นสกีได้อีก และผู้คนเป็นมิตร

ในช่วงที่ร่อนใบสมัคร เหตุการณ์มีอยู่ว่า สมัครค่ายกับ VSA ไป 2 ค่าย พอดีค่ายที่เปิดรับ Co-Leader มีอยู่ 1 ใน และอีกค่ายที่อยากไป แต่คุณสมบัติไม่ผ่าน เพราะอายุเกิน 18 ปีแล้ว จึงไม่ได้ลงสมัคร จนเวลาผ่านไปเหลือ 1 เดือนก่อนที่ค่ายนี้จะเริ่มก็ได้รับอีเมล์ขอให้มาช่วยเป็นผู้นำค่าย จึงได้ย้ายค่ายไป Burlington อีกครั้งสาสมใจอยาก

 วันแรกของค่ายรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรมาก แค่ทำกิจกรรมให้ทุก ๆ คนในค่ายมีความคุ้นเคยกัน เพราะต่างคนต่างที่ต่างถิ่นต่างวัฒนธรรม เราก็วางแผนจะนำลูกโป่งน้ำไปเล่นกัน ปรากฏว่า เหล่าบรรดาอาสาสมัครปาใส่กระจกจนแตก ซึ่งเป็นกระจกอายุตั่งแต่สมัยสร้างบ้านเมื่อปี 1850 และเป็นกระจกที่นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส กระจกอายุ 150 ปีแหลกสลายด้วยผลงานเราตั้งแต่วันแรก

 วันต่อมา เป็นวันที่ 3 กรกฎาคม ซึ่งใกล้วันชาติอเมริกาเข้ามาแล้ว แต่สิ่งที่คนรัฐนี้ทำคือ จะไม่มีการจุดพลุในวันที่ 4  แต่จะมีการจุดพลุในวันที่ 3 คืนนั้นทั้งคืนจึงนั่งดูพลุกันอย่างสนุกสนาน

เข้าสู่ วันที่ 4 เป็นวันที่เราต้องทำงานกัน ช่วงเช้าช่วยกันเก็บกวาดขยะจากเมื่อคืน ซึ่งแทบจะไม่เหลืออะไรให้เก็บในสนามหญ้า จะมีเพียงใกล้ ๆ พุ่มไม้ที่ต้องไปคุ้ยหากัน เพื่อให้ได้ขยะมาครอบครอง ปรากฏว่าพบแว่น Rayband คุ้มค่าเลยทีเดียว

งานที่เหลือในค่ายก็ซ่อมแซมทางเดินด้วยการนำแผ่นกระดานเก่าออก แล้วแทนที่ด้วยแผ่นใหม่ เลิกงานพักเบรกด้วยการชมเบสบอลเกม แล้วต่อด้วยสร้างแปลงปลูกผัก ว่าง ๆ ปั่นจักรยานเล่น น่องโตไปเลยทีเดียว โดยรวมคือประทับใจ มีโอกาสจะกลับมาอีก แต่คาดว่าปีหน้าอยากจะลองนำค่ายในไทยดูบ้าง มาอเมริกาต่อเนื่องสองปี หมดงบพอดี