VIETNAM

EXPERINCE FROM 

CHUA LA ORPHANAGE

       ความประทับใจมีตั้งแต่เริ่มออกเดินทางในโฮจิมินห์วันแรก ตอนเช้าในวันนั้นต้องการจะไปซื้อของก่อนจะเดินทางไป Youth house ตอนสิบโมงเช้า พนักงานโรงแรมก็แนะนำว่าให้ไปซื้อที่ตลาดเบนถั่นและได้ขอแผนที่มาด้วย จากนั้นก็เดินไปตามแผนที่ แต่ก็ไม่ถึงสักที พอดีเวลานั้นมีรถเมล์ผ่านมาจอดตรงหน้า และมีป้ายเขียน “ตลาดเบนถั่น”ด้วย ก็เลยกระโดดขึ้นรถเมล์คันนั้น นั่งสักพักก็ถามคนข้างๆว่าตลาดเบนถั่นลงป้ายไหน คนนั้นก็ชี้ไปด้านหลัง ไอเราก็สังหรณ์ใจว่าต้องนั่งรถวนอีกนานแน่ๆกว่าจะถึงที่หมาย จากนั้นก็มีเด็กผู้หญิงที่นั่งด้านหน้าชวนให้ลงป้ายหน้าแล้วค่อยขึ้นรถเมล์อีกสายกลับไปตลาดเบนถั่น เราก็ลง จากนั้นก็แยกย้าย  เราก็ยืนรอรถเมล์ สักพักเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมา (สงสัยเป็นห่วงเรา 555) เด็กผู้หญิงคนนั้นมายืนรอส่งเราขึ้นรถเมล์ ระหว่างรอก็พูดคุยกัน จนรู้ว่าเด็กคนนั้นมาดูหนังที่ห้าง LOTTE MART ที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้น เราก็เลยบอกว่าเดี๋ยวเราไปซื้อของให้ห้างนี้เลยก็ได้ ไม่ไปตลาดเบนถั่นแล้ว เด็กคนนั้นก็เดินห้างเป็นเพื่อน แถมยังขึ้นรถเมล์กลับโรงแรมเป็นเพื่อนอีกด้วยแทนที่จะดูหนัง และได้พาข้ามถนนตรงสี่แยก ซึ่งน่ากลัวมากๆ มีรถจักรยานยนต์เต็มไปหมด วิ่งสวนกันไปมา แต่สุดท้ายก็ข้ามได้สำเร็จ :) นี่เป็นความประทับครั้งแรกในโฮจิมินห์ซิตี้ จากนั้นก็นั่งรถแท็กซี่ โดยให้ที่อยู่ในกระดาษกับคนขับแท็กซี่ไป ขับไปสักพัก ไล่ตาม บ้านเลขที่ จนคนขับแท็กซี่บอกว่าไม่มี ที่อยู่ผิด คนขับแท็กซี่ก็บอกให้โทรไปถามที่อยู่ใหม่ ไอเราก็ใช้โทรศัพท์โทรในเวียดนามไม่ได้ด้วย ก็เลยให้คนขับแท็กซี่โทรเอง สุดท้ายก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ 

ที่พักมีชื่อว่า Youth house มีทั้งหมดสี่ชั้น หนึ่งห้องนอนมีเตียงสองชั้นอยู่ห้าเตียง มีพัดลมติดเพดานสองตัว และแอร์อีกหนึ่งตัว (แอร์ไม่อนุญาตให้เปิด) ทุกคืนที่นอนร้อนมาก ๆ วันแรก ๆ เหงื่อออก นอนไม่ค่อยหลับ ตื่นมาตอนเช้าต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเหงื่อ วันหลัง ๆ ก็ชิน ตอนนั้นเจอเพื่อนญี่ปุ่นสองคน คนหนึ่งเพิ่งมาวันนี้เป็นผู้หญิงทำโครงการเดียวกัน อีกคนเป็นผู้ชายอยู่มาสักพักแล้ว ในวันนั้นอาสาสมัครทั้งหมดก็ได้เข้าพักที่ Youth house มีทั้งหมด 5 คน ที่ทำโครงการเดียวกัน คือ Iolanda (Spain), Sara (Belgium), Yusuke (Japan), Rina (Japan) และสุดท้ายก็คือตัวเอง จากประเทศไทย :) ตอนบ่ายมี Orientation และเดินไปดูชุมชนบริเวณรอบ ๆ ที่พัก ซึ่งมีร้านน้ำปั่นขายเต็มไปหมดหลายร้านมาก ๆ มีเก้าอี้โต๊ะให้นั่งด้วย ตอนกลางคืนอาสาสมัครก็จะนั่งอยู่ด้านล่าง พูดคุยกัน เจอคนเยอรมัน พูดไทยได้นิดหน่อยด้วย รู้สึกดีใจมาก ๆ

วันถัดมา ก็ตื่นแต่เช้าไปดูProject site สถานที่ทำงาน ต้องนั่งรถเมล์ไปหนึ่งต่อ และก็เดินเข้าซอยอีกนิดนึง ดูเสร็จ ก็กลับมาที่ Youth house รับประทานอาหารเที่ยง ตอนบ่ายก็มี City Tour มีอาสาสมัครท้องถิ่นสองคนเป็นไกด์นำเที่ยว พาไปดู Independence Palace (เสียค่าเข้าชมเอง), Northerdam Church, Post office และสุดท้ายคือ Ben Thanh Market ตลาดขึ้นชื่อของโฮจิมินห์ ที่นักท่องเที่ยวแวะชมซื้อของฝาก แล้วก็กลับไปที่พัก เจออาสาสมัครชาวญี่ปุ่นเยอะแยะเลย แต่ละคนก็เข้ามาแนะนำตัว อัธยาศัยดีมาก เป็นกันเองสุดๆ มี Rina (ชื่อเหมือนคนที่ทำโครงการเดียวกัน), Marie, Yuko, Koyuki, Kanako, RyO, Ayana, Saori และ Hiroki

อาหารเช้าทุกวันของที่นี่จะเป็นขนมปัง วันแรก ๆ แข็ง วันหลังๆก็ไม่แข็งมาก เสิร์ฟพร้อมแยมสตรอเบอรี่ บูลเบอรี่ แยมถั่ว มาการีน และผลไม้ (บางวันมี บางวันก็ไม่มี) แต่ละคนสามารถซื้อของมาใส่ในตู้เย็นได้ จะมีตู้เย็นสำหรับอาสาสมัครโดยเฉพาะ

       สัปดาห์แรกของการเป็นอาสาสมัครจะทำงานที่ Leaf Pagoda วันแรกของการทำงาน ตอนเช้าก็ไปจัดเตรียมที่ดินให้พร้อมสำหรับปลูกพืชผักสวนครัว แล้วนอนพักกลางวันที่ที่พักของเด็กกำพร้า ส่วนตอนบ่ายก็ไปทาสีโครงเหล็กของหลังคาวัด ตอนเย็นก็นั่งรถเมล์กลับ อาบน้ำ ซักผ้า รับประทานอาหารเย็นโดยจะมีแม่บ้านเป็นคนจัดเตรียมให้ พอกลางคืนอาสาสมัครก็จะมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน วันถัดมาก็ไปหว่านพืชผักสวนครัว ทุกอย่างทำเหมือนเดิม พอถึงวันสุดท้าย(วันศุกร์) เดินทางไปทำงานตอนเช้าด้วยอารมณ์แจ่มใสเพื่อไปรดน้ำพืชผัก แต่กลับกลายต้องตกใจ เพราะมีคนในท้องที่กำลังก่อสร้างเวทีหรืออะไรสักอย่างหนึ่ง เพื่องานรื่นเริงในวันเสาร์-อาทิตย์ บนแปลงผักที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวาน camp leader ก็เข้าไปคุยกับเจ้าอาวาสวัด เจ้าอาวาสวัดก็พูดเพียงว่า “ขอโทษ อาทิตย์หน้าค่อยมาทำใหม่ล่ะกัน” อึ่งทึ่งมาก ไม่แคร์ความรู้สึกกันเลย จากนั้นพวกเราก็ไม่มีอารมณ์ที่จะทำงานต่อ เลยนั่งรถกลับไปที่ Youth house

    มาถึงช่วงWeekend (เสาร์-อาทิตย์) ก่อนหน้านั้น เพื่อน ๆ ชาวญี่ปุ่นได้ถามว่าจะไปทัวร์ Mekhong Delta กับ Guchi Tunnel ไหม เราก็เลยตอบตกลงทันทีโดยไม่ต้องคิด สรุปคือเพื่อนไปซื้อทัวร์มา ไอเราก็นึกว่าจะไปเที่ยวกันเอง ก็ต้องเสียเงินไปพันกว่าบาท T^T ในวันที่ไปทัวร์ Rina ที่เป็นเพื่อนสนิทก็ได้ช่วยเป็นล่ามแปลจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษให้ เพราะทัวร์ที่ไปนั้นเป็นทัวร์สำหรับคนญี่ปุ่นทั้งคณะ ไม่มีชาติอื่นอยู่เลย

    สัปดาห์ที่สอง ทำงานที่โรงพยาบาล HCMC Orthopedics & Rehabilitation Hospital ได้ไปทาสีฝาผนังที่ชั้นของห้องตรวจโรค, ห้องพักผู้ป่วยและไปวาดภาพทาสีที่ห้องของเด็กพิการ เหนื่อยมาก ๆ เพราะต้องเอากระดาษทรายถูก่อนทาสี ฝุ่นเยอะมาก อาหารกลางวันดีกว่าที่ Leaf pagoda เพราะเลือกกับข้าวได้ จบงานเสร็จทางโรงพยาบาลก็ได้ให้จดหมายขอบคุณมาด้วย :)

    เสร็จโครงการนี้ Camp leader ก็พาไปเลี้ยงที่ร้านน้ำปั่น และพูดคุยแลกเปลี่ยน ข้อเสนอแนะต่างๆ

    วันสุดท้ายก็ตื่นแต่เช้า คนดูแล Youth houseก็ช่วยโทรเรียกแท็กซี่ให้ตอนเจ็ดโมงเช้า เพื่อน ๆ ชาวญี่ปุ่นที่ยังไม่กลับ ก็ตื่นแต่เช้ามาส่งขึ้นแท็กซี่ ซึ้งใจมาก ๆ จากนั้นก็ไปสนามบิน นั่งกลับเมืองไทย โดยสวัสดิภาพ :)

เอ้อ, อาภาภัทร ปัญญานุกูล นศ.ม.แม่ฟ้าหลวง กับครั้งแรกในต่างแดนที่เวียดนาม

18 - 30  มีนาคม 2556